ข้อมูลสุขภาพ

หัวใจเต้นผิดจังหวะ…ภาวะนี้อันตรายอย่างไร


หัวใจเต้นผิดจังหวะ หนึ่งในความผิดปกติของการทำงานของหัวใจที่พบได้บ่อยๆ
แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ หลายคนยังเข้าใจว่าโรคนี้ไม่อันตราย

        เพราะผู้ป่วยบางรายยังคงใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิมโดยไม่รู้ตัวว่าอาการจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และจริงๆ แล้ว “ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ” นั้น
มีระดับความรุนแรงของโรคที่ต้องคอยเฝ้าระวังเพราะระดับที่ร้ายแรงที่สุดนั้น...นำไปสู่การเสียชีวิตได้!!


ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะสามารถแบ่งได้เป็นหลายชนิด โดยสามารถแบ่งเป็นชนิดใหญ่ๆ ได้ 2 ชนิดดังนี้
        -  หัวใจเต้นเร็ว กว่าปกติ
        -  หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ

 🩷 แบบไหนถึงเรียกว่า “หัวใจเต้นผิดจังหวะ”
            สำหรับอัตราการเต้นของหัวใจที่เรียกว่า “ปกติ” นั้น คืออยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที ซึ่งเท่ากับว่า...หากอัตราการเต้นของหัวใจต่ำกว่า 60 ครั้ง/นาที อัตราการเต้นที่ช้ากว่าปกตินี้ก็จะเข้าข่ายภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และในขณะเดียวกัน หากอัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่า 100 ครั้ง/นาที อัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วกว่าปกตินี้ ก็ถูกนับว่าเป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยเหมือนกัน

 🩷 หัวใจเต้นผิดจังหวะ...รู้ได้จากอาการเตือนเหล่านี้
        - กรณีอัตราการเต้นของหัวใจช้ากว่าปกติ จะส่งผลให้มีอาการมึนงง ใจหวิว ระดับความดันโลหิตต่ำลง และอาจทำให้เป็นลมหมดสติได้
        - กรณีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วกว่าปกติ จะส่งผลให้มีอาการเหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว และอาจทำให้มีอาการเจ็บหน้าอก หน้ามืด เสี่ยงภาวะหัวใจวายและเสียซีวิตเฉียบพลัน

🩷 ตรวจวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์
        - ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่เรียกว่า ECG หรือ Electrocardiogram ในขณะที่มีอาการ
        - การตรวจคลื่นหัวใจแบบพกติดตัวตลอด 24 ชั่วโมง ที่เรียกว่า Holter Monitoring เป็นการตรวจและวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา หากมีอาการผิดปกติจะได้รีบเข้ารักษาได้ทันที
        - การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะที่ผู้ป่วยออกกำลังกาย (exercise stress test; EST)
        - การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (echocardiogram)
        - การตรวจระบบการนำไฟฟ้าภายในหัวใจ (cardiac electrophysiology study)
        
🩷 สาเหตุที่ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติมีความแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย
        โดยการที่หัวใจจะเต้นเร็วหรือช้าลงขึ้นกับพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต ประวัติสุขภาพ และปัจจัยแวดล้อมของผู้ป่วยแต่ละราย สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ได้แก่
        - ความผิดปกติแต่กำเนิดหรือความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด ลิ้นหัวใจรั่ว ผนังหัวใจหนาผิดปกติ หลอดเลือดหัวใจตีบ
        - ความผิดปกติของร่างกายที่มีผลต่อการทำงานของหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ อิเล็กโทรไลต์ในร่างกายผิดปกติ
        - ยาและสารบางชนิด เช่น ยาที่มีส่วนประกอบของแอมเฟตามีน คาเฟอีนที่อยู่ในชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม
        - ความเครียดและความวิตกกังวล

        โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมักไม่ทราบว่าตนเองมีปัญหาโดยมักพบภาวะนี้จากการตรวจสุขภาพหรือเมื่อป่วยด้วยโรคอื่นแล้วมาพบแพทย์ แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปรากฏให้สังเกตได้ เช่น
         - วิงเวียน
         - หน้ามืด
         - ตาลาย
         - ใจสั่นบริเวณหน้าอก
         - หายใจขัด
         - เจ็บแน่นบริเวณหน้าอก
         - เป็นลม หมดสติ
         - การซักประวัติอย่างละเอียด เช่น การดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม โรคประจำตัวต่างๆ (เช่น เส้นเลือดหัวใจอุดตัน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือภาวะไทรอยด์)


🩷 การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
            แพทย์จะพิจารณาตามสาเหตุ อาการ ตำแหน่ง และความรุนแรงของโรค โดยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดอาจไม่ต้องทำการรักษาแต่ในบางชนิดที่ต้องทำการรักษาจะมีทางเลือกในการรักษา ดังนี้
                - การใช้ยาควบคุมจังหวะของหัวใจ ซึ่งถึงแม้จะไม่ช่วยให้หายขาด แต่ก็ลดความถี่และความรุนแรงของการได้ โดยพบว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะหลายชนิดตอบสนองดีต่อการใช้ยา
                - การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) เป็นการฝังเครื่องมือเล็กๆ ไว้ใต้ผิวหนังบริเวณกระดูกไหปลาร้า เพื่อตรวจจับจังหวะการเต้นของหัวใจ และสอดสายนำไฟฟ้าไปยังหัวใจเพื่อควบคุมและกระตุ้นให้หัวใจเต้นตามอัตราที่กำหนด
                - การใช้ไฟฟ้ากระตุกเพื่อปรับการเต้นของหัวใจ (cardioversion) ใช้ในกรณีที่หัวใจเต้นเร็วเกินไป โดยแพทย์จะใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องส่งภายนอกร่างกายซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นแปะที่หน้าอกของผู้ป่วยเพื่อปรับจังหวะการเต้นของหัวใจใหม่
                - การใช้สายสวนเพื่อจี้กล้ามเนื้อหัวใจที่นำไฟฟ้าผิดปกติ (ablation therapy) วิธีนี้เป็นการรักษาที่ต้นเหตุซึ่งอาจช่วยให้ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดหายขาดได้ โดยเป็นวิธีการรักษาที่ต่อเนื่องจากการตรวจระบบการนำไฟฟ้าภายในหัวใจ เมื่อสอดสายสวนไปยังตำแหน่งที่เชื่อว่าน่าจะเป็นสาเหตุของความผิดปกติ แพทย์จะปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูงเป็นจุดเล็กๆ เพื่อทำลายเนื้อเยื่อหัวใจที่เป็นสาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้น
                - การฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ (implantable cardioverter defibrillator) เป็นการฝังเครื่องมือคล้ายกับเครื่องกระตุ้นหัวใจ ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงหัวใจห้องล่างเต้นผิดปกติ (ventricular fibrillation) ซึ่งอาจอันตรายต่อชีวิต โดยเมื่อหัวใจเต้นช้า เครื่องมือจะทำหน้าที่ในการกระตุ้นหัวใจ แต่เมื่อหัวใจเต้นเร็ว เครื่องมือจะปล่อยพลังงานไฟฟ้าในระดับที่เหมาะสมเพื่อกระตุกหัวใจให้กลับมาเต้นปกติทันที

🩷 ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจไม่สามารถป้องกันได้เสมอไป แต่สามารถลดโอกาสเกิดให้น้อยลงได้ ดังนี้
        - หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด การสูบบุหรี่
        - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์  ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  ตรวจสุขภาพและพบแพทย์สม่ำเสมอ


ศูนย์หัวใจ ตั้งอยู่ชั้น 4 โรงพยาบาลอุบลรักษ์ ธนบุรี
เปิดบริการเวลา 08.00 – 20.00  น.

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 
ศูนย์หัวใจ โทร.  045 – 429100 ต่อ 4422 , 4442
โทรศัพท์มือถือ 062-1043880